บางครั้งการที่เราได้หมายศาลจาก ธนาคารที่เราทำบัตรเครดิต หรือ บัตรสินเชื่อเงินสด จากยอดหนี้ที่เราไม่ได้ชำระซึ่งการโดนหมายศาลบัตรเครดิตหรือสินเชื่อเงินสดเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้
ถ้าคุณพบว่าตนเองโดนหมายศาลบัตรเครดิตหรือสินเชื่อเงินสด คุณสามารถทำตามขั้นตอนดังนี้:
อ่านคำฟ้องว่าฟ้องเรื่องอะไร ฟ้องที่ไหน วันที่ศาลนัดคือวันอะไร สิ่งที่โจทก์ ฟ้องมาเรียกค่าเสียหายเท่าไหร่อะไรอย่างไร ใครคือโจทก์ ใช่ธนาคารที่เราไปทำสัญญาบัตรเครดิตหรือสินเชื่อหรือเปล่า หรือเป็นบริษัทที่ไปรับซื้อหนี้มา การอ่านคำฟ้องจะทำให้เราเข้าใจว่าเราถูกฟ้องเรื่องอะไร และเวลาปรึกษาทนายจะได้ทำการปรึกษาได้ถูกต้อง
นอกจากการอ่านคำฟ้องแล้ว เราก็ควรสำรวจเอกสารที่โจทก์ส่งมาในเอกสารท้ายคำฟ้องเพราะ ซึ่งนั่นรวมไปถึงเอกสารการชำระหนี้ของเราเอง
ส่วนใหญ่เเล้ว กรณีที่เราพอจะต้อสู้ได้ มักเป็นเรื่องอายุความ ซึ่งหลังจากที่อ่านคำฟ้องโดยละเอียดแล้ว ให้ดูว่าวันฟ้องของเราวันที่เท่าไหร่ และการชำระเงินครั้งสุดท้ายวันที่เท่าไหร่
เรื่องของอายุความเป็นเรื่องที่มีความแตกต่างกันพอสมควรโดยหลักๆจะมีอยู่ 3 กรณี
ข้อควรระวังกรณีที่ต่อสู้เรื่อวอายุความในคดีแพ่งซึ่งต่างจากคดีอาญาคือ ถ้าต้องต่อสู้เรื่องอายุความ เราต้องหยิบเรื่องนี้ขึ้นต่อสู้แล้วต้องอธิบายอย่างชัดเจนในคำให้การ กล่าวคือ
ในคดีอาญา อายุความ ถ้าคู่ความไม่ได้กล่าวถึง ผู้พิพากษา สามารถหยิบวินิจฉัยได้เองว่าคดีนี้ขาดอายุความแล้ว แต่กรณีในคดีแพ่งจะต่างออกไปเพราะแม้ว่าผู้พิพากษาจะเห็นว่าคดีขาดอายุความก็ไม่สามารถวินิจฉัยได้ว่าคดีขาดอายุความแล้วหากคู่ความไม่ได้กล่าวถึง และการกล่าวถึงต้องชัดเจน
ยกตัวอย่างเช่น ในคำให้การต้องอธิบายว่า เริ่มต้นนับอายุความวันไหน หมดอายุความเมื่อไหร่ จะกล่าวเพียงว่าคดีนี้ขาดอายุความแล้ว ไม่ได้เด็ดขาด ดังนั้นจำเลยต้องระมัดระวังในเรื่องนี้
อีกทั้งต้องวิ้คราะห์ให้ดึว่าหมดอายุความเรื่องใด 2 ปี 5 ปี หรือ 10 ปี บางกรณีคำฟ้องเป็นเรื่องสัญญาบัตรเครดิต แต่บางครั้งลักษณะตัวหนี้เป็นสินเชื่อเงินกู้ ก็มี
นอกจากข้อต่อสู้เรื่องอายุความแล้ว เราก็ยังพอมีโอกาส ในการต่อสู้เรื่อง การมอบอำนาจของโจทก์ จดหมายทวงถาม แต่อย่างไรก็ดี ข้อต่อสู้เรื่องต่างๆเหล่านี้เกิดขึ้นได้ยาก
คดีเรื่องบัตรเครดิต สินเชื่อเงินสด ส่วนใหญ่เป็นคดีผู้บริโภค ดังนั้นการยื่นคำให้การสามารถยื่นได้เองในวันพิจาณาคดีนัดแรก
กรณีนี้สามารถให้ทนายเขียนคำให้การแล้วนำไปยื่นเอง หรือ จะตั้งให้เป็นทนายประจำคดีก็ได้ซึ่งค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับศาลที่คดี